วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553


























ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 11

จีนเมินไม่รับแอดเฟซบุ๊ค มีคนเล่นแค่ 2 หมื่น

เอเยนซี-www.facebook.com ได้เผยยอดรวมของผู้ลงทะเบียนสื่อออนไลน์เฟซบุ๊คทั่วโลก ว่ามีจำนวน 517 ล้านคน สหรัฐฯ มีผู้เล่นมากสุดที่ 133 ล้านคน ด้านจีนมีบัญชีเฟซบุ๊คเพียง 2 หมื่นคน (23 ส.ค.)

ทางเฟซบุ๊คระบุ ประเทศที่มีผู้ขึ้นบัญชีเฟซบุ๊คมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ สหรัฐฯ 133 ล้านคน ทิ้งห่างสหราชอาณาจักรซึ่งตามมาที่ 28 ล้านคน ขณะที่อินโดนีเซียมี 27 ล้านคน, ตุรกี 24 ล้านคน, และฝรั่งเศส 19 ล้านคน

สำหรับประเทศในทวีปเอเชียที่ติดอันดับต้นๆ ได้แก่ ฟิลิปปินส์อยู่อันดับ 7 มีผู้ใช้ 16 ล้านคน, อินเดียอันดับ 10 มีผู้ใช้ 13 ล้านคน, มาเลเซียมีผู้ใช้ 8 ล้านคน และประเทศไทย 5.14 ล้านคน

รายงานข่าวกล่าวว่า เฟซบุ๊คดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับความนิยมนัก ในประเทศญี่ปุ่น โดยอยู่อันดับ 56 มีผู้เล่นเฟซบุ๊คเพียง 1.35 ล้านคน ขณะที่จีน ซึ่งปิดกั้นการใช้งานฯ ชุมชนออนไลน์นี้ ทำให้ที่ผ่านมา มีผู้ขึ้นบัญชีใช้งานเฟซบุ๊คได้เพียง 24,060 คน อยู่อันดับ 162

รายละเอียด

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 10

เฟซบุ๊ก วางจำหน่ายการ์ดของขวัญ"เฟซบุ๊ก เครดิตส์"ในสหรัฐฯ

เฟซบุ๊ก เครดิตส์ - พนักงานร้านทาร์เก็ตในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โชว์การ์ดของขวัญ "เฟซบุ๊ก เครดิตส์"ซึ่งเริ่มจำหน่ายที่ร้านทาร์เก็ตเป็นแห่งแรก เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้แฟนเกมของเฟซบุ๊กสามารถนำไปซื้อสินค้าเสมือนจริงในเกมต่างๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้น โดยมีขายในราคา 15, 25 และ 50 ดอลลาร์ และสามารถใช้ได้กับเกมฟาร์มวิลล์, มาเฟีย วอร์ส, แฮปปี้ อควอเรียม และซิตี้ ออฟ วันเดอร์ (เอเอฟพี)

ที่มา

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 9

Yahoo จับมือพันธมิตรกับ Facebook
จับมือพันธมิตรกับ, Facebook, Yahoo


เดินหน้าเข้าสู่อาณาจักร Social-networking อีกราย เมื่อ Yahooประกาศตัวเป็นคู่หูกับเว็บไซต์ Facebook โดยที่ Yahooจะเพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่จะให้การสนับสนุนกับบริการของ Facebookซึ่งเร็วๆนี้ ผู้ใช้งานทั้ง Yahoo และ Facebookต่างที่จะสามารถดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนได้ โดยผ่านทาง "news feed"ของเมลล์และเว็บไซต์.

วารสาร Wall Street ได้รายงานว่า เมื่อผู้ใช้งานของเว็บ Yahooมีความเคลื่อนไหวใดๆ ในเว็บไซต์มันก็จะส่งความเคลื่อนไหวเหล่านั้นมายังที่ Facebook อีกด้วย อย่างเช่นเมื่อคุณโพสรูปลงในเว็บแชร์รูปอย่าง Flickrคุณก็จะได้เห็นรูปนั้นแสดงบนเฟซบุ๊คด้วย นอกจากนี้ Yahooยังเตรียมที่จะปรับแต่งหน้าตาบริการบนโปรไฟล์ของตัวเองโดยจะปรับหน้าตาของโปร์ไฟล์ให้เป็น Social- networkingหรือจะมีหน้าตาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้โพสข้อมูลต่างๆและสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้รายอื่นๆ ได้อีกด้วยสำหรับบริการใหม่ที่จะกิดขึ้น จะมีชื่อเรียกว่า Yahoo Pulseและจะเป็นการรวมกันของผู้ให้บริการ social-network อื่นๆด้วยตัวอย่างเช่นผู้ใช้สามารถที่จะคลิกบริการ Pulse เพื่อไปยังเว็บFacebookและก็กลับมาอีกครั้งเพื่อดูความเคลื่อนไหวล่าสุดจากเพื่อนๆก็ได้ซึ่งบริการใหม่นั้น จะสามารถใช้งานได้ในเร็ววันนี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Yahooยังได้ประกาศที่จะเชื่อมต่อบริการที่สำคัญกับ Facebook ทั้งเมลล์ ข่าวกีฬา และการเงิน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวมาจากนักอ่านจากภายในเว็บYahoo เองเพราะมันง่ายที่เขาจะสามารถแบ่งปันสื่งที่เขาชอบให้กับเพื่อนๆในเฟซบุ๊คได้ เพราะบางคนก็อาจจะไมได้เห็นในสิ่งที่เขาชอบจาก Yahooซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Yahooได้เพิ่มคุณสมบัติสำหรับผู้ใช้งานอีเมลลล์ โดยเพิ่มการเข้าสู่บัญชีของFacebook,อัพเดทสถานะของตนเอง,คลิกเข้าสู่โปรไฟล์ของเพื่อนๆที่เชื่อมโยงผ่านFacebook และ Yahoo mail

ที่มา

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 8

“BitDefender” เตือนภัย Facebook Hacker — Application อันตราย

บิทดีเฟนเดอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผย Facebook Hacker-Application เป็นโปรแกรมอันตรายที่ทำให้บุคคลที่ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับ usenames และ password สำหรับใช้งานในการ Login จากที่ต่างๆ ได้

ในอดีต Phising เป็นเครื่องมือที่แพร่หลายที่ถูกใช้ในการโจรกรรมข้อมูลจาก cybercriminals หลังจากมีการ login แต่ในปัจจุบัน ได้มีเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า Facebook Hacker เป็นเครื่องมือที่ได้รับความสนใจจากบุคคลที่ไม่หวังดี ที่ต้องการ password ของบุคคลอื่น โดย เครื่องมือชนิดนี้ สามารถขโมยข้อมูลในการ login ได้โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ ผู้ใช้พิมพ์ข้อความใดๆ ที่เกี่ยวกับ username หรือ password
Facebook Hacker เป็นเครื่องมือที่ง่ายต่อการใช้งาน โดยสามารถทำงานได้โดยบุคคลทั่วไป โดยมีจุดมุงหมายไปที่ กลุ่มที่เรียกกว่า Skiddie ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่ ต้องการเป็น Hacker หรือ พยายามที่เป็น Hacker ผู้ใช้งานสามารถทำได้โดยการระบุ ข้อมูล 2 อย่าง คือ email address และ password เพียงแค่นั้น ข้อมูลที่ถูกขโมยมาก็จะถูกส่งไปยัง email ดังกล่าว

หลังจาก คลิ๊ก ปุ่ม Build server.exe จะสร้างและ ฝังตัวเองลงใน facebook hacker folder ด้วย file เบื้องต้น และ server.exe จะถูกส่งไปยัง กลุ่มเป้าหมายต่อไป

เมื่อมีการ run เครื่องมือนี้ จะทำการดึงข้อมูลสำคัญต่างๆ รวมถึง username และ password ที่ผู้ใช้สั่งให้มีการ save ไว้ที่ browser เพราะ facebook hacker จะมีเป้าหมายที่ ข้อมูลที่ถูกจำไว้ที่ internet browser และ instant message โดยจะสามารถดึงข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ใน ส่วนของ remember password

การที่จะให้การขโมยข้อมูลสำเร็จ malicious binary ที่ประกอบด้วย application ที่สามารถ ดึงข้อมูลจาก web browser ต่างๆ รวมทั้ง instant message นอกเหนือจากนี้ จะแยกข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับ dialup/VPN ที่อยู่ในเครื่อง และแสดง ข้อมูลในการ login ที่ประกอบด้วย username, password, และ domain

เพื่อจะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบ facebook hacker ยังเข้าไปยัง process ที่เกี่ยวกับ security โดยจะทำการ kill process เมื่อมีการถูกค้นพบ โดยตัวโปแกรมเองจะมี hard code list ที่เกี่ยวกับ process ที่เกี่ยวข้องกับ Antivirus Solution ที่จะทำให้สามารถหยุดการทำงาน ของ antivirus ได้

ที่มา

ส่งงาน E-Journal

คลิกที่นี่คะ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ส่งงานสืบค้น E-Books

http://www.thaiebook.org/index.php?tpid=pro:999-99-13-001
http://software.cpc.ku.ac.th/TOI2010/document/manual_TOI2010_30032010.pdf
http://www.kradandum.com/thesis/cai.pdf

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 7

เฟสบุ๊กเปิดช่อง ตามดูเพื่อน-แฟนเล่นจากไหน

ตอกย้ำเทรนด์แรงยอดนิยมของแอปพลิเคชันประเภท Mobile geo-location application ที่ผู้ใช้จะสามารถแบ่งปันข้อมูลตำแหน่งสถานที่แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และย่านพักผ่อนที่ได้ไปเยือนกับเพื่อนฝูงและคนรู้จักได้ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ล่าสุด เครือข่ายสังคมยักษ์ใหญ่อย่างเฟสบุ๊ก (Facebook) ประกาศร่วมขบวนเทรนด์โลกที่เกิดขึ้นด้วยการเปิดฟีเจอร์ใหม่นามว่า "Facebook Places" ซึ่งจะทำให้สาวกเฟสบุ๊กสามารถเห็นได้ว่าเพื่อนแต่ละคนเล่นเฟสบุ๊กจากที่ใด

ที่สำคัญ เชื่อว่านับจากนี้ เทรนด์โพสต์ข้อมูลตำแหน่งสถานที่กำลังจะแพร่หลายในผู้ใช้อินเทอร์เน็ตวงกว้าง เนื่องจากจำนวนสมาชิกของเฟสบุ๊กที่มีอยู่มากกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกในขณะนี้

เฟสบุ๊กระบุว่า บริการ Places นี้จะเปิดให้สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถ check in หรือการแจ้งให้ระบบทราบตำแหน่งสถานที่ที่อยู่ของผู้ใช้ แล้วประกาศไว้บนเฟสบุ๊ก โดยเฟสบุ๊กจะนำฟีเจอร์ใหม่นี้ไปอัปเดททั้งแอปพลิเคชันเฟสบุ๊กสำหรับไอโฟน (iPhone) และไอพ็อดทัช (iPod Touch) ก่อนจะขยายไปยังอุปกรณ์พกพาอื่นๆ

ที่สำคัญ เฟสบุ๊กย้ำว่าจุดประสงค์ของการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งขันกับบริการ geo-location ที่มีอยู่แล้วในตลาดขณะนี้ทั้ง Yelp, Foursquare, Gowalla และ Booyah เนื่องจากเฟสบุ๊กได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรในการควบรวมบริการเหล่านี้ลงใน Facebook Places

รายละเอียด

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 6

เฟสบุ๊กจุดพลุธุรกิจโฆษณาในไทย

เครือข่ายสังคมยอดฮิตอย่างเฟสบุ๊ก (Facebook) ได้ฤกษ์จุดพลุธุรกิจโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ดึง“ไอฮับ มีเดีย”เป็นตัวแทนขายโฆษณาผ่านเอเจนซี่เพื่อตอบโจทย์นักการตลาดในประเทศไทย ไอฮับเผยเลือกทำตลาดในไทยก่อนเวียดนามและฟิลิปินส์เพราะเฟสบุ๊กไทยโตเร็วจัด ฟุ้งใช้เฟสบุ๊กทำโฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมาย 100%

นาย จอร์จ ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไอฮับ มีเดีย จำกัด (ihub Media Pte Ltd) กล่าวว่า ตัวเลขการใช้งานเฟสบุ๊กที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 ปีแต่มียอดใช้งานเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 ล้านรายนั้นทำให้ไอฮับเลือกประเทศไทยเป็นตลาดจำหน่ายโฆษณาบนเฟสบุ๊ก ต่อเนื่องจากการทำตลาดในสิงคโปร์ เซี่ยงไฮ, ฮ่องกง, ไทเป, กัวลาลัมเปอร์ และจาการ์ต้า

“การใช้บริการเฟสบุ๊กในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไอฮับมองว่าตลาดออนไลน์มาเก็ตกิ้งในไทยจะสามารถเติบโตสูงขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงได้มีการเปิดสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพ เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการทำตลาดบนเฟสบุ๊ก โดยไทยถือเป็นสาขาที่ 7 ของไอฮับในเอเซียแปซิฟิก”

ไอฮับระบุว่าตัวเองเป็นตัวแทนขายโฆษณาบนเฟสบุ๊กรายเดียวในเอเซีย เริ่มต้นทำตลาดในเอเซียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2551 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ นอกจากเฟสบุ๊ก ไอฮับยังเป็นตัวแทนขายโฆษณาบนเว็บไซด์ชั้นนำอย่างดีสนีย์ ฯลฯ

ประเทศไทยนั้นถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้บริการเฟสบุ๊กสูงอันดับ 16 ของโลก เพราะเมื่อมองย้อนไปในเดือนมกราคม 52 ประเทศไทยมียอดผู้ใช้บริการเฟสบุ๊กอยู่ที่ 20,000 รายเท่านั้น แต่ปัจุบัน ยอดผู้ใช้บริการเฟสบุ๊กมีจำนวนอยู่ที่ 4.5 ล้านราย จุดนี้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจหลายรายเริ่มหันมาให้ความสนใจการทำตลาดบนเฟสบุ๊กมากขึ้น

ที่ผ่านมา การโฆษณาบนเฟสบุ๊กในประเทศไทยนั้นแบ่งเป็น 2 ลักษณะ หนึ่งคือการสร้างแฟนเพจเพื่อดึงผู้ใช้งานเฟสบุ๊กให้เข้ามาทำกิจกรรมหรือรับรู้ข่าวสาร สองคือการทำโฆษณากับเฟสบุ๊กเองในส่วนของ Ad. Space ด้านขวามือของหน้าเฟสบุ๊ก ซึ่งนักโฆษณาสามารถลงทะเบียนได้เอง แต่จะไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใดโดยเฉพาะ

จุดนี้คือสิ่งที่ไอฮับจะมาเติมเต็ม โดยนักโฆษณาจะสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบไหน ในช่วงเวลาใด โดยจะมีอัตราค่าบริการการลงโฆษณาบนหน้าโฮมเพจ แบบ Homepage Ad. อยู่ที่ 4 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 CPM (cost per 1000 impressions) ซึ่งจะมีอัตราค่าบริการขั้นต่ำอยู่ที่ 12,000 บาท

ในส่วนของ Ad Space จะคิดค่าบริการ 0.3 ดอลลาร์ต่อการคลิก 1 ครั้ง โดยลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบการลงโฆษณาได้ทั้งแบบวิดีโอ, โพล์, กิจกรรม และการคลิก “Like” เพื่อเข้าร่วมเป็นแฟนเพจ

ไอฮับระบุว่า เหตุผลที่เลือกทำธุรกิจออนไลน์มาร์เก็ตติงบนเฟสบุ๊กเป็นหลักนั้น เพราะมองว่าการทำโฆษณาบนเว็บไซด์ที่มีอยู่ทั่วไปนั้นเป็นแค่การสื่อสารแบบทางเดียว ที่ลูกค้าสามารถมองเห็นแบนเนอร์ แล้วคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์นั้น แต่การทำตลาดบนเฟสบุ๊กเป็นการทำตลาดแบบ 2 ทาง คือนอกจากลูกค้าจะเห็นตัวโฆษณาแล้ว ลูกค้ายังสามารถคลิกเข้ามาเพื่อร่วมเป็นแฟนเพจ สามารถสนทนาร่วมกัน ก่อให้เกิดคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่

"เมื่อผู้ใช้เข้าร่วมแฟนเพจ ก็จะแสดงผลบนหน้าเว็บเพจ เมื่อมีเพื่อนเข้ามาเห็น ก็สามารถคลิกต่อได้ไม่รู้จบ"

สำหรับการทำตลาดในไทยนั้น ไอฮับระบุว่าจะเน้นไปที่การเข้าถึงเอเจนซีโฆษณาทั้งหมดที่มีในไทย รวมถึงเจ้าของธุรกิจนั้นๆ โดยตรง เพื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้น เนื่องจากการทำตลาดบนเฟซบุ๊กยังถือเป็นสิ่งใหม่ที่เจ้าของธุรกิจอาจยังไม่ทราบข้อมูล และผลตอบรับที่จะได้จากการทำโฆษณาในลักษณะนี้

"ปัจจุบันหลังจากที่ไอฮับเปิดตลาดในเมืองไทย 3 เดือนเรามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ 3-4 ราย อาทิเช่น ซูซูกิ, โซนี และสเมอร์นอฟ โดยจะเน้นหนักไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีงบการโฆษณาสูง และต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ในปีนี้ไอฮับตั้งเป้ามีรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก” จอร์จ ฟู กล่าว

รายละเอียด

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 5

เปิดใจชาว Facebook กับภารกิจรัก ‘ในหลวงในดวงใจ’

บนโลกไซเบอร์หลายคนอาจมองว่าหาความจริงใจได้ยากที่จะสร้างมิตรภาพได้อย่าง ยั่งยืน แต่สำหรับในสังคมออนไลน์กลุ่ม Facebook นั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน นั่นก็คือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวงเป็น เวลาหลายเดือนแล้วที่ชุมชนออนไลน์ในเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง Facebook (เฟซบุ๊ก) ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงออกทางสังคมอย่างตรงไปตรงมาเพียงเหตุผลเดียวก็ คือความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง วันนี้มีโอกาสได้ไปพบเจอกับกลุ่มคนออนไลน์เหล่านี้ในงานที่พวกเขาจัดขึ้น เพื่อการแสดงจุดยืนของตนเองที่งาน “ในหลวงในดวงใจ” เลยได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนของกลุ่มก็คือคุณปีเตอร์ ซึ่งได้เล่าว่า Continue reading 'เปิดใจชาว Facebook กับภารกิจรัก ‘ในหลวงในดวงใจ’'»



รายละเอียด

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 4

facebook มาแรง!! ทำโจ๋ไทย เมินท่องตำราน้อยลง

หากถามถึง facebook หรือ twitter คงไม่มีหนุ่มสาววัยทีนคนไหนไม่รู้จัก ผิดกับการถามถึงหนังสือ นวนิยาย เรื่องสั้น สารคดี ที่พวกเขาอาจจะต้องส่ายหัว ทำหน้าตาซีเรียส อย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า ปัจจุบันนี้พฤติกรรมของวัยรุ่นสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยสังคมโลกออนไลน์ บวกกับความน่าสนใจของหนังสือมีน้อยลง แถมราคาแพงมากขึ้นเป็นทวีคูณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากพวกเขาเกิดจากการหลงใหลไปกับสื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ จนหลงลืมการอ่านหนังสือ ทั้งที่ “การอ่าน” เป็นหนึ่งกระบวนการพัฒนาความคิด สติปัญญา และอารมณ์เด็กไทยสมัยนี้
“กิม” ปิยะพร ศรีเจริญ นิสิตชั้นปี 3 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หนึ่งในเยาวชนไทยที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ยังคงชื่นชอบและเก็บสะสมหนังสือไว้เป็นจำนวนมาก “ถือว่าโชคดีที่ครอบครัวสนับสนุนให้เป็นคนรักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก จนถึงมัธยมปลาย พอจะมีกำลังซื้อหนังสือด้วยตัวเอง โดยไม่รบกวนค่าขนมเพิ่มเติมจากคุณพ่อ คุณแม่ ส่วนใหญ่หนังสือที่ชอบอ่านจะเป็น การตูน นิยาย วรรณกรรม เพราะทำให้เราได้คลายเครียด อย่างไม่จำกัดเวลา อยากจะอ่านตอนไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้"

หากถามถึงคุณภาพและราคาหนังสือในปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร กิม บอกว่า คุณภาพหนังสือนั้นขึ้นอยู่กับประเภทหนังสือที่เราชื่นชอบ อ่านแล้วสนุกไหม รูปเล่ม น่าอ่าน น่าติดตามหรือเปล่า แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ราคาหนังสือ "เมื่อก่อนพกเงินมา 1,000 บาท ซื้อหนังสือได้มากถึง 3-4 เล่ม แต่เดี๋ยวนี้ได้ซื้อแค่ 1-2 เล่มเท่านั้น หนังสือแพงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เวลาที่เราอยากจะอ่านหนังสือที่ชอบขึ้นมาจริงๆ ต้องตัดใจไม่ซื้อ ส่งผลให้เพื่อนบางคนที่ชอบอ่านหนังสือเหมือนอย่างเรา หันไปหาสิ่งๆ อื่นที่ช่วยให้หายเครียด อย่าง เกมส์ออนไลน์ ,hi5 , face book แทนที่การอ่านหนังสือ เพราะการสื่อสารในโลกออนไลน์ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างได้มากกว่าในหนังสือเสียอีก"
สำหรับพี่ใหญ่ อย่าง “แนน” นัทธมน คำประดิษฐ์ นักศึกษาปริญญาโท จาก มหาวิทยาลัยศิลปกร เผยตนว่า ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กโดยมีครอบครัวช่วยปลูกฝังจนถึงวันนี้ และประเภทของหนังสือที่ชื่นชอบสุดๆก็เป็นจำพวกแนวสืบสวนสอบสวนที่ติดตามซื้อ ส่วนกรณีถ้าหากลดหย่อนภาษีได้มากขึ้นเธอบอกไม่ได้มีส่วนทำให้เธอซื้อหนังสือมากขึ้นเท่าใดนัก เพราะเธอจะเลือกซื้อแต่หนังสือที่ชอบเท่านั้น

“ เราได้ใช้ประโยชน์จากการชอบอ่านหนังสือ มันช่วยฝึกระบบจัดเรียงความคิด และมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ อ่ย่างแนวที่ชอบก็พวกสืบสวนสอบสวน ที่ทำให้เราได้คิดตาม มีความสนุกตื่นเต้น และน่าค้นหา ส่วนการหนังสืออย่างอื่นก็จะอ่านได้แต่ไม่ติดตาม เวลามีงานสัปดาห์หนังสือเราก็จะไปเลือกหาซื้อที่ชอบค่ะ เพราะเป็นที่ที่เดียวที่มีหนังสือใหม่ๆที่เราติดตามและซื้อพร้อมๆกันก็ราคาถูก แต่หากมองถึงเรื่องภาษีตรงนี้ยอมรับว่าไม่ได้คิดเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวตอนนี้ก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เรื่องค่าหนังสือจึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อแต่เป็นประเภทของหนังสือมากกว่า และถ้าหากภาษีหนังสือจะถูกลง ก็อาจจะไม่ได้ทำให้เราซื้อหนังสือมากกว่าเดิมก็ได้ เนื่องจากหนังสือที่เราชอบอ่านจริงๆบางทีก็อาจจะยังไม่ได้ตีพิมพ์ ถึงแม้ถูกลงแต่ถ้าเราไม่ชอบอ่านเรื่องก็อาจจะไม่ซื้อก็เป็นได้”

ที่มา

ส่งงานมอบหมายเรื่องOPAC

คลิกที่นี่น่ะค่ะ

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 3

ซีอีโอเผย ยอดผู้ใช้ 'เฟซบุ๊ก' ทะลุ 500 ล้าน

ยอดผู้สมัครใช้บริการ "เฟซบุ๊ก" ทั่วโลก มีจำนวนทะลุหลัก 500 ล้านคนไปแล้ว จากการเปิดเผยของซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมดังกล่าว...


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ว่า "เฟซบุ๊ก" เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง ได้มีตัวเลขยอดผู้สมัครเข้าใช้งานทะลุหลัก 500 ล้านคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มาร์ค เอลเลียต ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอวัย 26 ปี และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท "Facebook Inc." ผู้ให้บริการเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง ได้ออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองพาโล อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ยอดผู้สมัครใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ "facebook.com" ทั่วโลกในขณะนี้ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นจนทะลุหลัก 500 ล้านคนไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ใช้บริการของเฟซบุ๊กยังอยู่ที่ราว 400 ล้านคน

"ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะมีคนสนใจสมัครใช้บริการของเฟซบุ๊กมากถึงเพียงนี้ และหากมีใครบอกกับผมเมื่อตอนก่อตั้งบริษัทเมื่อ 6 ปีที่แล้วว่า เฟซบุ๊กจะมีคนใช้งานถึง 500 ล้านคน ผมคงจะไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน" ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว

ซีอีโอของเฟซบุ๊ก อิงก์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิวรายนี้ ยังแถลงเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดให้ใช้บริการในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก คือ บริการที่เรียกว่า "Facebook Stories" ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นเดียวกับการเขียน "บล็อก" ที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากบริษัท "คอมสกอร์ อิงก์" ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำวิจัยด้านการตลาดชื่อดัง ออกมาระบุว่า จำนวนผู้ใช้งานที่แท้จริงของเฟซบุ๊กจนถึงขณะนี้ อยู่ที่ 519 ล้านคนแล้ว และยังคงเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกในเวลานี้

ที่มา

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 2

การเมืองระอุ "Facebook" ยิ่งเดือด!!!


การเมืองไทยนาทีนี้ร้อนเท่าใด เครือข่ายสังคมออนไลน์บนเฟสบุ๊ก (facebook) ก็ทวีความดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าในระดับโลก นี่คือเรื่องปกติที่แนวรบไซเบอร์จะสามารถยึดเฟสบุ๊กเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างอิสระ แต่สิ่งพิเศษที่เราคนไทยจะสามารถเรียนรู้ได้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คือความสมัครสมานสามัคคี อารมณ์ร่วมรุนแรง และความสามารถในการตรวจสอบพร้อมกดดันของพลังเงียบออนไลน์ ก็มีอิทธิพลไม่แพ้การชุมนุม

นาทีนี้ ประชากรเฟสบุ๊กสัญชาติไทยหลายคนถูกแบ่งเป็นหลายกลุ่มก้อนด้วยการสมัครเป็นแฟน (fan) เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนในแฟนเพจ (facebook fan page) อย่าง "มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้าน ต่อต้านการยุบสภา" ซึ่งมีผู้ใช้สมัครเป็นแฟนมากกว่า 420,000 คนแล้ว (17.00น. วันที่ 24 เมษายน 2553) บางคนเป็นแฟนของเพจ "รวมพลัง 1 ล้านคน สนับสนุนให้ยุบสภา" ขณะที่หลายคนเป็นแฟนของเพจ "หยุดการกระทำของคนกลุ่มเสื้อสีชมพู" ยังมีเพจ "ไม่เอาเสื้อ เบื่อเต็มทีกับพวกที่ชอบบ่อนทำลายประเทศนี้"


ที่มา

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่1


***เยอรมันลงดาบเฟสบุ๊ก

หน่วยงานพิทักษ์สิทธิข้อมูลเยอมนีลงดาบเครือข่ายสังคมยอดฮิต"เฟสบุ๊ก (Facebook)"จริงจัง ล่าสุดส่งฟ้องเฟสบุ๊กฐานแอบเข้าถึงหรือเก็บข้อมูลผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเฟสบุ๊ก ผลจากคำร้องเรียนนี้ทำให้เฟสบุ๊กอาจต้องจ่ายค่าเสียหายสูงหลายหมื่นยูโรตามกฏหมายรักษาความเป็นส่วนตัว ด้านเฟสบุ๊กนั้นยืนยันว่าได้รับทราบรายละเอียดคำร้องเรียนแล้ว และจะออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 สิงหาคมนี้

ประธานสำนักงาน Data Protection Authority ของเยอรมนีระบุว่าการร้องเรียนเฟสบุ๊กครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนในเยอรมนีจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกเฟสบุ๊ก ว่าถูกดึงข้อมูลส่วนตัวไปแสดงบนเว็บไซต์ของเพื่อนที่เป็นสมาชิกเฟสบุ๊ก ทั้งหมดนี้เป็นการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ประโยชน์ทางการตลาด

นี่ถือเป็นการต่อต้านบริษัทไอทียักษ์ใหญ่อีกครั้งของเยอรมนีหลังจากทางการเมืองเบียร์สั่งสอบสวนกูเกิลอย่างจริงจังในกรณีที่โครงการ Street View ของกูเกิลเผลอเก็บข้อมูลการใช้งานของประชาชนในเครือข่ายไว-ไฟสาธารณะ ทั้งหมดนี้ทางการเยอรมนีระบุว่าต้องกันไว้ดีกว่าแก้

ที่มา

ส่งหัวข้อโปรเจ็คค่ะ











คลิกที่นี่น่ะคับ

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไม้มงคล

ไม้มงคล ต้นไม้มงคล เสริมราศี
ต้นแก้ว เป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมปลูกกันมาก เพราะดอกแก้วนั้นมักจะส่งกลิ่นหอมเย็นอย่างน่าชื่นใจ มีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจ